ถ้าพูดถึงระบบ “ซอฟต์แวร์” คนส่วนใหญ่ก็มักจะนึกถึงคำว่า ลิขสิทธิ์ ตามมาด้วยทันที แต่รู้หรือไม่ว่าลิขสิทธิ์ของซอฟท์แวร์นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินเสมอไปนะ เพราะแท้จริงแล้วความหมายของลิขสิทธิ์ในที่นี้คือเอาไว้เพื่อบอกถึงลักษณะของการคุ้มครองสิทธิ์และการใช้งานของผู้ขอใช้สิทธิ์ก็เท่านั้นเอง
1.Commercial ware
คือ ซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ที่ใช้สำหรับจัดทำเพื่อจำหน่ายหรือสงวนไว้เพื่อการทำธุรกิจ ซึ่งผู้ใช้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ในการใช้งานของซอฟท์แวร์นั้น ๆ โดยผู้พัฒนาหรือผู้ขายจะมีการออกแบบเงื่อนไขให้กับผู้ใช้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือมีการจำกัดจำนวนผู้ใช้งานและฟีดเจอร์บางอย่างเป็นต้น
2.Shareware
คือ โปรแกรมที่สามารถทดลองใช้งานได้ก่อนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีระยะเวลาของการทดลองใช้ 15 วัน หรือ 30 วัน เมื่อครบกำหนดตัวโปรแกรมจะหยุดการทำงานทันที แต่ถ้าหากผู้ใช้รู้สึกพึงพอใจและต้องการใช้งานต่อ ก็สามารถทำการจ่ายเงินเพื่อซื้อโปรแกรมเอาไว้ใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบกันต่อได้เลย
3.Adware
คือ โปรแกรมสนับสนุนโฆษณา มักจะมาพร้อมกับโปรแกรมซอฟแวร์ฟรีต่าง ๆ และมักมีโฆษณา Pop-up เด้งขึ้นระหว่างที่โปรแกรมกำลังทำงาน และหากผู้ใช้อยากจะให้โฆษณาเหล่านั้นหายไป ก็ต้องจ่ายเงินซื้อเวอร์ชั่นเต็มของโปรแกรมนั้นเพื่อไม่ให้มีโฆษณาขึ้นมากวนใจอีกต่อไป
4.Freeware
คือ ซอฟต์แวร์ที่สามารถนำมาใช้งานได้ฟรี ๆ แบไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่จะมีเงื่อนไขและข้อจำกัดของการใช้งาน เช่น ผู้ใช้ไม่ได้รับอนุญาตในการดัดแปลงแก้ไข หรือ ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อหากำไรเด็ดขาด
5.Open-Source Software
คือ ซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานได้ฟรีเช่นเดียวกันกับ Freeware และยังอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาหรือปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมได้แบบไม่มีข้อจำกัด โดยไม่ผิดกฏหมาย หรือ กฏการใช้แต่อย่างใดอีกด้วย
1 License ของ Microsoft 365 ใช้ได้ทั้งหมดกี่ User
Microsoft 365 1 License หรือ 1 ใบอนุญาตใช้งานลิขสิทธิ์ สามารถใช้ได้ทั้งหมด 6 User หรือ 6 E-mail นั่นเอง โดยแต่ละ User จะสามารถติดตั้งและนำไปใช้บนอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมกันได้ถึง 5 เครื่องด้วยกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น PC หรือ Mac รวมไปถึงบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เช่น แท็บเลตและโทรศัพท์มือถือก็สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน
2 วิธีการเลือก MICROSOFT ออฟฟิศ เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับธุรกิจคุณ
MICROSOFT ออฟฟิศ นั้นมีหลากหลายรูปแบบมาก แล้วแบบไหนละที่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณ เราเลยสรุปวิธีการเลือกซื้อ Microsoft ออฟฟิศ สำหรับคุณ หรือ องค์กรของคุณ ควรเลือกตามขั้นตอน ดังนี้
1.เลือกรูปแบบการใช้งาน ว่าต้องการใช้แบบรายเดือน รายปี หรือ ซื้อขาด ซึ่งในรูปแบบนี้ก็จะมีทั้งข้อดี และ ข้อเสียเหมือนกัน
ข้อดี คือ การซื้อแบบแบ่งจ่ายรายเดือน รายปี คือ ทาง Microsoft จะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาให้คุณอัพเดทตลอดอายุการใช้งาน
ข้อเสีย คือ การซื้อขาด จะทำให้คุณได้ใช้เพียงฟีเจอร์แค่เวอร์ชั่นปัจจุบันของปีนั้น ๆ เท่านั้น
2.เลือกตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เช่น หากคุณต้องการใช้งานแค่ที่บ้าน หรือ สำหรับใช้ในการศึกษาเท่านั้น
คุณควรเลือกแบบ Personal และ Family ซึ่งหากต้องการความคุ้มค่า ใช้ได้หลายคน ควรเลือก Microsoft 365 Family เพราะสมัครแล้วสามารถใช้ได้สูงสุด 6 ไอดีพร้อมกัน ในขณะที่ Microsoft 365 Personal เหมาะสำหรับใช้งานคนเดียว
3 คำนิยามของ License แบบฉบับเข้าใจง่าย
1.ใบอนุญาต คำว่า License ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับอังกฤษ-ไทย หมายถึง ใบอนุญาต, การอนุญาต แต่ถ้าในวงการของไอที คำนี้จะแปลว่า
และเรียกกันว่า ใบอนุญาตการใช้งานซอฟต์แวร์ (Software License)
- สัญญาอนุญาตซอฟต์แวร์ จะเป็นรูปแบบหนึ่งของเอกสารสัญญาทางกฏหมาย ที่เอาไว้ควบคุมการใช้หรือการเผยแพร่ซอฟต์แวร์ โดยปกติแล้วซอฟต์แวร์ทั้งหมดมีลิขสิทธิ์คุ้มครอง เว้นแต่จะระบุไว้ว่าเป็นสาธารณสมบัติ
- ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนเพื่อให้ทำงานอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะมีแบบที่เสียค่าใช้จ่ายหรือไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยก็ได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อตกลงของผู้พัฒนาซอฟแวร์กำหนดขึ้น